ศ.พญ.ประภาพิศ - ศัลยแพทย์ชื่อดังของไทย ศาสตราจารย์เป็นนักวิชาการผู้ได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่น จากกรมแพทย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ศ.พญ.ประภาพิศ เกศชีวกานต์ ใช้ชีวิตอยู่กับโรคเบาหวานมาอย่างยาวนาน เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน ตั้งแต่อายุ 31 ปี และอยู่กับโรคนี้มาหลายสิบปีแล้ว ตลอดช่วงเวลาที่เป็นโรค เธอได้คิดค้นวิธีต่อสู้กับโรคเบาหวานจากรูปแบบความรู้ของตนเอง ซึ่งแตกต่างจาก "แบบดั้งเดิม" อย่างเห็นได้ชัด

ปีแห่งการต่อสู้กับโรคเบาหวานถูกประกาศเป็นวาระสำคัญ จากองค์การอนามัยแห่งเอเชีย ศ.พญ.ประภาพิศ เกศชีวะกานต์ ได้แบ่งปันวิธีการยืดอายุของสุขภาพร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอเองให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานมากมาย

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยแห่งเอเชียร่วมแสดงความยินดีกับ ศ.พญ.ประภาพิศ เกศชีวะกานต์ ในวันเกิดปีที่ 109 นี่เป็นภาพถ่ายจากสถานที่ทำงานของเธอ

- ศ.พญ.ประภาพิศ ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?

ฉันรู้สึกดีมาก มีพลังเต็มเปี่ยมในการทำงาน เพราะฉันรู้ดีว่า กำลังมอบชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วยเบาหวานทุกคน

- คุณเป็นหนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คนที่อยู่มาจนถึงยุคนี้ แม้ว่าคุณจะเป็นเบาหวานมานานกว่า 70 ปีแล้วก็ตาม คุณจัดการกับมันได้อย่างไร ?

โรคเบาหวานเปรียบเสมือนกฎใหม่ในชีวิต ฉันตระหนักถึงเรื่องนี้มานานแล้ว และฉันก็ตระหนักด้วยว่าหากคุณปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง คุณก็สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้เบาหวานก่ออันตรายกับตัวคุณได้ ฉันรู้จักคนจำนวนมากที่อาศัยอยู่กับโรคเบาหวานมาไม่ต่ำกว่า 10-20 ปี แต่พวกเขาก็ไม่เคยอาการดีขึ้นเลย หากคุณเป็นโรคเบาหวาน คุณจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อพร้อมรับมือกับสภาพความเป็นอยู่แบบใหม่ นี่คือกุญแจสำคัญสู่ชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี

- คุณช่วยบอกเราเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับโรคเบาหวานได้หรือไม่ ?

ในความเป็นจริงวิธีนี้ไม่ใช่วิธีของฉันโดยตรง แต่เป็นของ ศ.นพ.เดวิด เอลเก็น นักวิชาการด้านต่อมไร้ท่อที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งของเอเชีย ย้อนกลับไปในปี 1963 (ยุค 60) ฉันมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ตอนที่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานแล้วนั่นแหละ เขาบอกกฎพื้นฐานมาว่าควรทำอย่างไร เพื่อจะลดผลกระทบและบรรเทาอาการจากโรคลงได้

ศ.นพ.เดวิด เอลเก็น แพทย์ด้านต่อมไร้ท่อชั้นนำ
เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้เป็นนักวิชาการและอาจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ชั้นนำในญี่ปุ่นมาเป็นเวลาหลายปี

เขาเคยรักษาบุคคลสำคัญทางการเมืองที่มีชื่อเสียงของไทยและญี่ปุ่นมากมาย

กฎพื้นฐานที่ ศ.นพ.เดวิด เอลเก็น บอกฉันไว้ คือ ต้องรับประทานฟอสฟอรัสให้มากที่สุด เนื่องจากฟอสฟอรัสเป็นตัวแปรสำคัญต่อการเร่งสลายกลูโคสด้วยอินซูลิน

โรคเบาหวานเกิดขึ้น มาจากปัจจัยของอินซูลินที่หลั่งจากตับอ่อนนั้น ไม่สามารถสลายกลูโคสได้อีกต่อไป เป็นผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของอินซูลินและกลูโคสมีองค์ประกอบที่สาม คือ ฟอสฟอรัส ยิ่งมันมีมากเท่าไหร่ปฏิกิริยาเหล่านี้ก็จะผ่านไปเร็วขึ้นเท่านั้น และร่างกายก็จะผลิตอินซูลินน้อยลง

ดังนั้น หากระดับฟอสฟอรัสในร่างกายเพิ่มขึ้นก็ทำให้ใช้อินซูลินน้อยลง โดยไม่มีอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 2 อาจมีอาการทุเลาลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกชนิด ที่สามารถลดปริมาณอินซูลินลงได้ควบคู่ไปกับความถี่ในการบริโภคอินซูลินในชึวิตประจำวัน ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักปฏิเสธการฉีดยา

- นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายมาก ! ทำไมถึงไม่ใช้วิธีนี้รักษากันในปัจจุบัน ?

เนื่องจากฟอสฟอรัสมีราคาถูก แต่กระบวนการผลิตและจัดจำหน่ายยาต้านเบาหวานนั้น ถือเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 1982 มีการเปิดตัวโครงการพัฒนาการบำบัดประเภทนี้ ขั้นตอนการทดลองในคลินิกครั้งแรก ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม แต่แล้วด้วยสถานการณ์การของสงครามเย็นกำลังดุเดือด ทำให้ทุกคนต่างก็ลืมสิ่งนี้ไป ในร้านขายยาจึงเต็มไปด้วยยานำเข้าที่มีส่วนผสมเดียวกันกับเรา ซึ่งสร้างขึ้นภายใต้ใบอนุญาตของผู้ผลิตต่างประเทศ

โรคเบาหวานอาจเป็นโรคที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ป่วย แต่มันกลับกลายเป็นขุมทรัพย์มหาศาลหลายพันล้านดอลลาร์ให้แก่บริษัทยาอีกด้วย

ความลับสำคัญก็คือ ยาเหล่านี้ไม่สามารถขจัดอาการของโรคเบาหวานได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการขายยาที่ทำให้อาการของคุณคงที่และไม่หายจากอาการป่วยเสียที จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของผู้ผลิตยามากกว่า เพราะคุณต้องกลับมาซื้อมันใหม่อยู่เรื่อยๆ

- คุณเป็นเบาหวานมาหลายสิบปีแล้ว ในหลายปีมานี้ คุณบรรเทาอาการเบาหวานได้อย่างไร ?

โชคดีที่ฉันเป็นหมอและสามารถเข้าถึงห้องปฏิบัติการได้ มีบางครั้งที่ฉันต้องเตรียมฟอสฟอรัสด้วยตัวเอ ง ซึ่งมันง่ายมาก ถ้าคุณรู้จักพวกยาและมีอุปกรณ์ที่ถูกต้องเหมาะสม

ตอนนี้ยาดังกล่าวถูกผลิตขึ้นมากมาย ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ทุกคนที่ต้องการเข้ารับการรักษา ด้วยยาที่มีฟอสฟอรัสจึงสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย

- แล้วทำไมคุณถึงไม่ใช้วิธีการกินอาหารที่มีฟอสฟอรัสเยอะ ๆ แทนล่ะ ?

- หากทานอาหารอย่างเดียว คงไม่พอแน่นอนค่ะ เพราะผู้ป่วยเบาหวานต้องการฟอสฟอรัสจำนวนมาก

ฉันจะแสดงตารางจำนวนฟอสฟอรัสที่ได้จากอาหารให้ดู

เมื่อสองปีก่อน สถาบันโภชนาการเอเชียได้ทำการวัดปริมาณสารอาหารในผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ในร้านค้าทั่วไป

อาหาร	สิ่งที่คาดหวัง มิลลิกรัม/ 100 กรัม	ในความเป็นจริง มิลลิกรัม/ 100 กรัม
ชีส	650	121
นม	90	38
ถั่วลันเตา	210	46
ถั่วแดง	480	91
ไข่ 1 ใบ	450	87
เนื้อไก่	156	93
ขนมปังข้าวไรย์	100	17
ลูกเกด	50	29
ส้ม	40	13

ผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องการฟอสฟอรัส 2500-3000 มิลลิกรัมต่อวัน ลองนึกดูว่าคุณต้องกินอาหารกี่อย่าง ถึงจะได้รับปริมาณฟอสฟอรัสที่เหมาะสมตามต้องการ ดังนั้น การทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบจากฟอสฟอรัสจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

- ศ.พญ.ประภาพิศ คุณบอกว่าทุกวันนี้มีอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของฟอสฟอรัสสูง ไม่ทราบหาสามารถได้จากที่ไหน ?

เมื่อ 2 ปีก่อน ความร่วมมือระหว่างฉันกับบุคลากรภาควิชาต่อมไร้ท่อของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ร่วมกับบริษัท ของไทยที่มีความปลอดภัยและมีกลไกการผลิตตามมาตรฐานสากล ได้ร่วมมือกันสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีฟอสฟอรัสพิเศษสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ก็คือ “Difort” และต่อมาได้รับการทดลองทางคลินิกหลายครั้ง ซึ่งแสดงผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพสูงสุดถึง 98% ในการทดลองกับอาสาสมัครผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งรายงานผลของความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ฉันจึงแนะนำผู้ป่วยโรคเบาหวานทุกคน ให้ลองดู

อย่างไรก็ตาม เราใช้ผลิตภัณฑ์นี้ "อย่างไม่เป็นทางการ" มาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าประทับใจมาก จนตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการยืนยันแล้วผ่านการทดลองทางคลินิก

- สามารถซื้อ Difort ในร้านขายยาได้หรือไม่ และตอนนี้ราคาเท่าไหร่ ?

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของเรายังไม่มีขายในร้านขายยา แต่เรากำลังเจรจากับเครือข่ายร้านขายยา ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะให้ผลลัพธ์ในเชิงบวกหรือไม ่ ร้านขายยาส่วนมากต้องการบวกราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 700% ซึ่งเราไม่เห็นด้วยกับการหาเงินกับผู้ป่วยทั้งหลาย ฉันเองก็เป็นโรคเบาหวานและฉันรู้ว่าการอยู่กับความเจ็บป่วยนั้นเป็นอย่างไร

ต่อให้ Difort จะมีขายในร้านขายยา แต่อย่างไวที่สุดก็คงเริ่มขายได้ในปี 30.07.2021 เนื่องจากกระบวนการต่าง ๆ ของระบบราชการ เพราะฉะนั้นหากอยากลอง Difort ก็ไม่ต้องรอถึงปีหน้าหรอก

2 เดือนที่แล้ว ฉันได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง เราได้สร้างเว็บไซต์พิเศษขึ้นมา เพื่อรองรับความต้องการของผู้ป่วยให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งเราตัดสินใจขาย Difort ในราคาไม่บวกกำไร เพียง 1190 ฿ เท่านั้น

จุดประสงค์ของโครงการคือ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเบาหวานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากการบำบัดด้วยฟอสฟอรัส สำหรับหลาย ๆ คนนั้นก็เห็นผลอย่างชัดเจน แม้ว่าความเป็นจริงแล้ว เราจะมีปัญหากับบริษัทยาตะวันตกที่ต้องการป้องกันไม่ให้มีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของเราบนชั้นวางในร้านขายยา พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทางที่จะใส่ร้ายผลิตภัณฑ์ของเรา แต่เราก็พร้อมแล้วที่จะเป็นตัวแทนให้พวกคุณ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ลองใช้ Difort จะมีชีวิตที่ดีขึ้นทุกคน

สามารถสั่งซื้อ Difort ได้อย่างไร ?

• ลงทะเบียน ทิ้งคำสั่งซื้อไว้ในเว็บไซต์
• หลังจากนั้นผู้เชี่ยวชาญของเราจะติดต่อกลับไป
• ทางเราจะทำการจัดส่งสินค้าและคุณจะได้รับสินค้าภายใน 3-5 วัน

ทุกคนสามารถสั่งซื้อและรับสินค้า Difort ได้ โดยไม่ต้องมีใบรับรองใด ๆ

ฉันแค่อยากจะเตือนคุณว่าผลิตภัณฑ์ชุดแรกเหลืออยู่น้อยมากแล้ว และกำลังจะขาดตลาดอย่างรวดเร็ว ชุดที่สองอาจมีการปรับปรุงราคาให้สูงขึ้น เนื่องจาก ความจำเป็นในการจัดสรรเงินสำหรับการวิจัยและสร้างผลิตภัณฑ์ ดังนั้นหากคุณมีความประสงค์อยากใช้ Difort ในราคาเดิม คือ 1190 ฿ เราแนะนำให้ทำการสั่งซื้ออย่างเร็วที่สุด - ในขณะที่ยังมีสินค้าอยู่ในสต็อกตอนนี้

- ศ.พญ.ประภาพิศ ขอบคุณมากสำหรับวิธีการของคุณ คุณอยากจะบอกอะไรกับผู้ป่วยเบาหวานอีกไหม?

ฉันอยากให้ผู้ป่วยเบาหวานทุกคนหายดีและกลับมามีความสุขในชีวิตได้อีกครั้ง

ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะสามารถจัดการกับโรคเบาหวานของคุณได้ ฉันแนะนำให้ลอง Difort เพราะนี่คือผลงานวิจัยที่มันเห็นผลมากที่สุดของฉัน !

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 30.07.2021 ผู้ผลิตแจ้งว่าล็อตนี้ยังสามารถใช้โปรโมชั่นพิเศษได้ สามารถรับ Difort ได้จนกว่าจะสิ้นสุดโปรโมชั่น จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการในราคาพิเศษ เหลือเพียง 1190 ฿ บาทเท่านั้น